TLDR สรุปสั้นๆ
MINVERSE ใช้ในการกลับเมทริกซ์เป็นมาตรฐาน ซึ่งมีแถวและคอลัมน์เท่ากัน
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน MINVERSE ใช้ในการหามาตรฐานกลับของเมทริกซ์ ซึ่งเก็บอยู่ในอาเรย์ หมายความว่าถ้ามีเมทริกซ์และต้องการหามาตรฐานกลับ (ซึ่งเป็นเมทริกซ์ที่เมื่อคูณกับเมทริกซ์เดิมจะได้เมทริกซ์เอกลักษณ์ที่มีค่าแนวทะแยงเป็น 1 และค่าที่เหลือเป็น 0) ก็สามารถใช้ฟังก์ชันนี้ได้
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003 or prior
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
MINVERSE(array)
Arguments
-
array (Required – Array)
อาร์เรย์ที่มีข้อมูลเฉพาะจำนวนจริง และต้องมีจำนวนแถวและคอลัมน์เท่ากัน
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หามาตรฐานกลับของเมทริกซ์ที่อยู่ในช่วงเซลล์ A1:B2 ที่มีจำนวนแถวและคอลัมน์เท่ากัน=MINVERSE(A1:B2)
Result:เมทริกซ์ขนาด 2×2 ซึ่งเซลล์ที่สัมพันธ์กลับกับเมทริกซ์ต้นฉบับ -
Formula:
Description: หามาตรฐานกลับของเมทริกซ์จากอาเรย์คงที่ที่ระบุในสมการ=MINVERSE({1,2;3,4})
Result:เมทริกซ์ขนาด 2×2 จะเป็น {[-2, 1];[1.5, -0.5]} -
Formula:
Description: ค้นหามาตรฐานกลับของเมทริกซ์ขนาด 3×3 ที่ส่งมาในอาเรย์=MINVERSE({3,0,2;2,0,-2;0,1,1})
Result:เมทริกซ์ขนาด 3×3 ที่เป็นค่ามาตรฐานกลับของอาเรย์ต้นฉบับ -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน MMULT รวมกับ MINVERSE เพื่อหาผลลัพธ์เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์=MMULT(MINVERSE(A1:C3),A1:C3)
Result:เมทริกซ์ที่ได้คือเมทริกซ์เอกลักษณ์ 3×3 ที่มีค่าแนวทะแยงเป็น 1 และค่าที่เหลือเป็น 0 -
Formula:
Description: ตรวจสอบว่ามีการหามาตรฐานกลับได้หรือไม่ โดยแสดงข้อความ "Non-invertible" หากไม่สามารถคำนวณได้=IFERROR(MINVERSE(A1:B2), "Non-invertible")
Result:แสดงเมทริกซ์หากหามาตรฐานกลับได้ หรือข้อความ "Non-invertible" หากไม่สามารถคำนวณได้
Tips & Tricks
ถ้าต้องการหาเมทริกซ์เอกลักษณ์ สามารถใช้ MMULT คู่กับ MINVERSE แล้วคูณกับเมทริกซ์ต้นฉบับได้เลย
ข้อควรระวัง (Cautions)
ฟังก์ชัน MINVERSE ต้องการอาเรย์ที่มีจำนวนแถวและคอลัมน์เท่ากันเท่านั้น ถ้ามีเซลล์ที่เป็นว่างหรือข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลข ฟังก์ชันจะคืนค่า #VALUE! Error นอกจากนี้บางเมทริกซ์ไม่สามารถหามาตรฐานกลับได้ เช่น เมทริกซ์ที่ determinant เท่ากับ 0 ซึ่งจะทำให้เกิด #NUM! Error
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply