TLDR สรุปสั้นๆ
ERF คำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาดที่อินทิเกรต โดยระบุขีดจำกัดที่ต้องการ สามารถใช้ในงานคำนวณที่เกี่ยวกับโอกาสและการแจกแจงปกติได้.
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน ERF ใช้ในการคำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาด (error function) ที่ถูกอินทิเกรตระหว่างขีดจำกัดที่กำหนด ซึ่งค่าฟังก์ชันนี้ถูกใช้ในหลายสาขาของคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยในการคำนวณค่าเกี่ยวกับโอกาสและการแจกแจงปกติ
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
ERF(lower_limit, [upper_limit])
Arguments
-
lower_limit (Required – number)
ขีดจำกัดล่างที่ต้องการสำหรับการอินทิเกรต ERF เป็นค่าที่จำเป็นต้องระบุ -
upper_limit (Optional – number)
ขีดจำกัดบนสำหรับการอินทิเกรต ERF หากไม่ได้ระบุ Excel จะใช้ค่า 0 ถึง lower_limit เป็นดีฟอลต์ สามารถระบุหรือไม่ระบุได้
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: คำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาดที่ถูกอินทิเกรตระหว่าง 0 และ 0.745=ERF(0.745)
Result:0.70792892 (ผลลัพธ์เป็นค่าตัวเลขที่บ่งบอกถึงการอินทิเกรตค่าในช่วงที่ระบุ) -
Formula:
Description: คำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาดที่ถูกอินทิเกรตระหว่าง 0 และ 1=ERF(1)
Result:0.84270079 (ผลลัพธ์เป็นค่าตัวเลขที่แสดงการอินทิเกรตค่าจาก 0 ถึง 1) -
Formula:
Description: คำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาดที่ถูกอินทิเกรตระหว่าง 0.5 และ 1.5=ERF(0.5, 1.5)
Result:0.38292492 (ผลลัพธ์แสดงถึงการอินทิเกรตในช่วงที่กำหนดจาก 0.5 ถึง 1.5 ใช้ขีดจำกัดบนที่ระบุเพิ่ม)
Tips & Tricks
ถ้าคุณเพียงต้องการคำนวณค่า ERF จาก 0 ถึงจุดหนึ่งเพียงแค่ใส่ค่า lower_limit โดยไม่ต้องใส่ค่า upper_limit แล้ว Excel จะใช้ค่า 0 เป็นค่าเริ่มต้นเอง การคำนวณค่าฟังก์ชันข้อผิดพลาดนี้มีประโยชน์มากในฟังก์ชันการคำนวณที่เกี่ยวข้องกับสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ข้อควรระวัง (Cautions)
ควรระวังในกรณีที่ระบุค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขใน lower_limit หรือ upper_limit เพราะจะทำให้ฟังก์ชันส่งค่าผลลัพธ์เป็น #VALUE! error นั่นหมายความว่าคุณต้องเช็คให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ป้อนเป็นตัวเลขเสมอ
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply