TLDR สรุปสั้นๆ
GCD หาค่าตัวประกอบร่วมมากของจำนวนเต็มสองจำนวนหรือมากกว่า
คำอธิบาย
คืนค่าส่วนประกอบร่วมมาก (Greatest Common Divisor) ของจำนวนเต็มสองหรือมากกว่า ซึ่งเป็นจำนวนเต็มที่มากที่สุดที่หารทั้งสองจำนวนแล้วไม่มีเศษหารเหลืออยู่
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003 หรือ Version ก่อนหน้า
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
GCD(number1, [number2], ...)
Arguments
-
number1 (Required – Number)
จำนวนแรก ในรูปของจำนวนเต็มที่ต้องหาค่าส่วนประกอบร่วมมาก -
number2 (Optional – Number)
จำนวนที่สองหรือมากกว่า ในรูปของจำนวนเต็มที่ต้องหาค่าส่วนประกอบร่วมมาก สามารถใส่ได้สูงสุดถึง 255 จำนวน
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาส่วนประกอบร่วมมากของ 5 และ 2=GCD(5, 2)
Result:1 (เพราะ 1 คือจำนวนเดียวที่หารทั้งสองจำนวนได้ลงตัว) -
Formula:
Description: หาส่วนประกอบร่วมมากของ 24 และ 36=GCD(24, 36)
Result:12 (เพราะ 12 คือจำนวนที่มากที่สุดที่สามารถหารทั้งสองจำนวนได้ลงตัว) -
Formula:
Description: หาส่วนประกอบร่วมมากของ 7 และ 1=GCD(7, 1)
Result:1 (เพราะ 1 คือจำนวนเดียวที่สามารถหารทุกจำนวนได้ลงตัว) -
Formula:
Description: ใช้สูตรในรูปของ array formula เพื่อหาส่วนประกอบร่วมมากของช่วงข้อมูลในแถว A1 ถึง A5=GCD(A1:A5)
Result:จะคืนค่าผลลัพธ์ส่วนประกอบร่วมมากของทุกจำนวนในช่วงที่กำหนด -
Formula:
Description: การใช้ฟังก์ชัน GCD ร่วมกับ SUM เพื่อหาผลรวมของ GCD ในช่วง A1:A5 และ B1:B5=SUM(GCD(A1:A5, B1:B5))
Result:ผลลัพธ์จะเป็นผลรวมของส่วนประกอบร่วมมากในแต่ละช่วง
Tips & Tricks
สามารถใช้ฟังก์ชัน GCD ร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆได้ เช่น SUM หรือ AVERAGE เพื่อหาค่าส่วนประกอบร่วมมากในบริบทที่ซับซ้อน เช่น การจัดการโครงการหรือการวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อควรระวัง (Cautions)
ค่า argument ต้องเป็นจำนวนเต็มและไม่เป็นลบ มิฉะนั้นจะเกิด error #NUM หรือ #VALUE! ขึ้น ใช้กับข้อมูลที่ไม่ใช่อินทิเจอร์ไม่ได้ และจะคืนค่า 1 ถ้าจำนวนไม่มีตัวประกอบร่วมกัน
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply