คำอธิบาย
ฟังก์ชัน IMCOSH ใน Excel ใช้ในการหาค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิกของเลขเชิงซ้อน เหมาะที่สุดสำหรับนักวิศวกรรมศาสตร์และใครที่รักการคำนวณเลขเชิงซ้อนที่มีความซับซ้อนเหมือนในหนังวิทยาศาสตร์!
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
Excel 2013
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
IMCOSH(inumber)
Arguments
-
inumber (Required – complex number)
เลขเชิงซ้อนที่ต้องการคำนวณโคไซน์ไฮเพอร์โบลิก
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิกของเลขเชิงซ้อน 4+3i=IMCOSH("4+3i")
Result:ผลลัพธ์จะเป็นเลขเชิงซ้อนหนึ่งที่มีการเพิ่มค่าในส่วนจริงและส่วนจินตภาพหลังการคำนวณค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิก -
Formula:
Description: คำนวณโคไซน์ไฮเพอร์โบลิกของเลขเชิงซ้อน 1+i=IMCOSH("1+i")
Result:ผลลัพธ์จะเป็นการแสดงค่าในรูปแบบเลขเชิงซ้อนตามสมการคำนวณโคไซน์ไฮเพอร์โบลิก -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX แปลงเลข 0 และ 1 เป็นเลขเชิงซ้อน ก่อนหาค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิก=IMCOSH(COMPLEX(0,1))
Result:ผลลัพธ์จะแสดงค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิกในรูปแบบเชิงซ้อน -
Formula:
Description: คำนวณค่าโคไซน์ไฮเพอร์โบลิกของเลขเชิงซ้อน -2-3i ซึ่งอาจพบในการวิเคราะห์สัญญาณที่มีความถี่ซับซ้อน=IMCOSH("-2-3i")
Result:ผลลัพธ์คือค่าที่ได้จะช่วยในการวิเคราะห์สัญญาณที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น -
Formula:
Description: เมื่อใช้พายในการคำนวณร่วมกับเลขเชิงซ้อน i=IMCOSH("pi+i")
Result:ผลลัพธ์จากการคำนวณจะช่วยในการวิเคราะห์ระบบพลศาสตร์ในงานวิศวกรรมเช่นงานวิศวกรรมเครื่องกล
Tips & Tricks
ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เมื่อต้องการเปลี่ยนค่าจริงและค่าจินตภาพเป็นเลขเชิงซ้อนร่วมกับ IMCOSH เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดยฟังก์ชันนี้มีประโยชน์อย่างมากในด้านวิศวกรรมศาสตร์ที่ใช้เลขเชิงซ้อนในการวิเคราะห์ระบบ
ข้อควรระวัง (Cautions)
ระวังการใช้ IMCOSH กับค่าที่ไม่เป็นเลขเชิงซ้อน หรือค่าที่อยู่ในรูปแบบไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดข้อผิดพลาด #NUM และ #VALUE! ขึ้นได้
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี / ข้อจำกัด
ข้อดีคือสามารถใช้ในงานคำนวณที่ยากสุดยอดได้ เช่น การวิเคราะห์สัญญาณซับซ้อน ข้อจำกัดคือฟังก์ชันนี้ไม่สามารถใช้กับค่าที่ไม่เป็นเลขเชิงซ้อนหรืออยู่ในรูปแบบที่ไม่ถูกต้องได้
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply