คำอธิบาย
ฟังก์ชัน IMCOT ใช้หาค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนในรูปแบบ x+yi หรือ x+yj โดยการคำนวณนี้มีประโยชน์เมื่อคุณต้องทำงานกับจำนวนเชิงซ้อนใน Excel เพื่อการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2013
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
IMCOT(inumber)
Arguments
-
inumber (Required – complex number)
จำนวนเชิงซ้อนที่คุณต้องการหาค่าคอแทนเจนต์ ต้องอยู่ในรูปแบบ x+yi หรือ x+yj
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน 4+3i=IMCOT("4+3i")
Result:ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนที่แสดงคอแทนเจนต์ของ 4+3i -
Formula:
Description: หาค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน 2-5i=IMCOT("2-5i")
Result:ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนที่แสดงคอแทนเจนต์ของ 2-5i -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อสร้างจำนวนเชิงซ้อนและหาค่าคอแทนเจนต์=IMCOT(COMPLEX(3,4,"i"))
Result:ฟังก์ชันจะคืนค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่สร้างจากค่าความจริงและค่าเชิงจินตนาการที่ให้ -
Formula:
Description: หาค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนรูปแบบ j โดยใช้ฟังก์ชัน COMPLEX=IMCOT(COMPLEX(-2,7,"j"))
Result:ฟังก์ชันจะคืนค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่สร้างจากค่าความจริง -2 และค่าเชิงจินตนาการ 7 -
Formula:
Description: หาค่าคอแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน 1+1i=IMCOT("1+1i")
Result:ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนที่แสดงคอแทนเจนต์ของ 1+1i
Tips & Tricks
ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อสร้างจำนวนเชิงซ้อนถ้าจำเป็น และตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบเป็น x + yi หรือ x + yj เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
ข้อควรระวัง (Cautions)
ระวัง! ถ้าคุณใส่รูปแบบที่ไม่ถูกต้องหรือใส่ค่าทางตรรกศาสตร์ ฟังก์ชันจะคืนค่าเป็นข้อผิดพลาด #NUM! หรือ #VALUE!
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี / ข้อจำกัด
ฟังก์ชันนี้ยอดเยี่ยมในการจัดการกับจำนวนเชิงซ้อนเฉพาะเจาะจง แต่ถูกจำกัดในด้านการคำนวณค่าที่เป็นเพียงจำนวนจริงหรือในงานวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply