คำอธิบาย

ฟังก์ชันนี้ทำหน้าที่หาค่ารากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน กล่าวคือ ถ้าคุณมีตัวเลขที่มีสองส่วนคือส่วนจริง (real) และส่วนจินตภาพ (imaginary) ฟังก์ชันนี้จะช่วยคำนวณหารากที่สองของมันได้ง่ายๆ เหมือนกับเสกคาถาเลยล่ะ!

มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน

2003 หรือ Version ก่อนหน้า

รูปแบบคำสั่ง (Syntax)

IMSQRT(inumber)

Arguments

  • inumber (Required – string)
    จำนวนเชิงซ้อนที่เราต้องการหารากที่สอง เช่น 1+i หรือ 3+4j

ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)

  • Formula:
    =IMSQRT("1+i")
    Description: หารากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน 1+i
    Result:ผลลัพธ์คือค่ารากที่สองเชิงซ้อนออกมาในรูป 1.09868411346781+0.455089860562227i
  • Formula:
    =IMSQRT(A2)
    Description: ถ้าใน A2 มีค่าเป็น 3+4i แล้วใช้ฟังก์ชันนี้เพื่อหารากที่สองของค่านั้น
    Result:ผลลัพธ์จะเป็นค่ารากที่สองของ 3+4i เช่น 1.98 + 1.12i
  • Formula:
    =IMSQRT("2+3j")
    Description: หารากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน 2+3j
    Result:จะได้ผลลัพธ์เป็นค่ารากที่สองของ 2+3j ในรูปเชิงซ้อน
  • Formula:
    =IMSQRT(COMPLEX(2, 3))
    Description: ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อสร้างจำนวนเชิงซ้อน 2+3i แล้วหารากที่สองของมัน
    Result:ได้ผลลัพธ์เป็นค่ารากที่สองของจำนวนเชิงซ้อนเช่นเดียวกัน
  • Formula:
    =IMSQRT(-4)
    Description: ทดลองใส่ค่าจำนวนจริงที่เป็นลบเพื่อดูผลของฟังก์ชันกับจำนวนเชิงซ้อน
    Result:ผลลัพธ์จะเป็นจำนวนจินตภาพเช่น 0 + 2i

Tips & Tricks

อยากจะให้ฟังก์ชันทำงานเต็มประสิทธิภาพ ควรใช้ร่วมกับฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อแปลงค่าส่วนจริงและจิลภาพให้เป็นตัวเลขเชิงซ้อนก่อน และยังสามารถใช้ฟังก์ชันนี้รวมกับฟังก์ชันอื่น ๆ เพื่อการคำนวณซับซ้อนได้อีกด้วย

ข้อควรระวัง (Cautions)

ระวังการใส่ค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขหรือเป็นจำนวนจริงที่ติดลบเพราะอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ บางครั้งอาจแสดงข้อผิดพลาดถ้าใส่ค่าแบบไม่ถูกต้อง

ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง

ข้อดี / ข้อจำกัด

ความสามารถอันทรงพลังของฟังก์ชันนี้คือการจัดการกับจำนวนเชิงซ้อน ทำให้การคำนวณขั้นสูงง่ายและรวดเร็ว แต่การจัดการผลลัพธ์จินตภาพอาจทำให้บางคนสับสนได้

References

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

อบรม In-House Training

Feedback การใช้งาน AI Chatbot