คำอธิบาย
ฟังก์ชันนี้เป็นเหมือนนักมายากลที่สามารถทำให้ส่วนต่างของจำนวนเชิงซ้อนสองตัว (complex numbers) ปรากฏขึ้นได้โดยง่าย! เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังทำงานกับจำนวนเชิงซ้อนและต้องการหาผลลบ IMSUB คือคำตอบ!
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003 หรือ Version ก่อนหน้า
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
IMSUB(inumber1, inumber2)
Arguments
-
inumber1 (Required – complex number)
จำนวนเชิงซ้อนที่ต้องการลบออกไปจาก inumber2 -
inumber2 (Required – complex number)
จำนวนเชิงซ้อนที่ต้องการลบจาก inumber1
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาผลลบของจำนวนเชิงซ้อนสองจำนวนที่กำหนดในสูตรนี้=IMSUB("13+4i","5+3i")
Result:จะได้ผลลบเป็นค่าเชิงซ้อนใหม่ เช่น 8+i -
Formula:
Description: หาผลลบโดยใช้จำนวนเชิงซ้อนที่ระบุในตัวอย่างนี้=IMSUB(3+4i, 1+2i)
Result:ผลลัพธ์จะเป็น 2+2i -
Formula:
Description: หาผลลบของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุในเซลล์ A1 และ B1=IMSUB(A1, B1)
Result:ผลลัพธ์จะแสดงในเซลล์ที่ใส่สูตร ซึ่งจะเป็นผลลบของจำนวนเชิงซ้อนจากเซลล์ที่กำหนด -
Formula:
Description: หลังจากหาผลลบด้วย IMSUB แล้ว ต้องการหาค่าความมากของผลลัพธ์โดยใช้ฟังก์ชัน IMABS=IMABS(IMSUB(A1, A2))
Result:จะได้ค่าสัมบูรณ์ (หรือโมดูลัส) ของผลลบของจำนวนเชิงซ้อน -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อสร้างจำนวนเชิงซ้อนก่อนที่จะทำการหาผลลบ=COMPLEX(3, 4)-COMPLEX(1, 2)
Result:ผลลัพธ์คือผลลบของจำนวนเชิงซ้อนที่สร้างจากสองฟังก์ชัน COMPLEX
Tips & Tricks
ควรตรวจสอบว่าใช้รูปแบบของข้อมูลถูกต้อง เช่น ใช้สัญลักษณ์ i หรือ j เท่านั้น ใช้งานร่วมกับฟังก์ชันอื่นเพื่อเพิ่มความสามารถ เช่น COMPLEX, IMABS และ IF พยายามตรวจสอบฟอร์แมตของเซลล์ให้ถูกต้องเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการแสดงผลผิดพลาด
ข้อควรระวัง (Cautions)
ระวังเรื่องรูปแบบของจำนวนเชิงซ้อนที่ต้องเป็นรูปแบบ a+bi หรือ a+bj เท่านั้น ถ้าเซลล์หรือค่าที่ใช้ไม่ตรงตามรูปแบบนี้จะเกิด error ทันที อย่าลืมใช้ฟังก์ชัน COMPLEX เพื่อแปลงค่าก่อนใช้ถ้าจำเป็น
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี / ข้อจำกัด
ข้อดีคือความสะดวกรวดเร็วในการคำนวณการลบของจำนวนเชิงซ้อน และสามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่น ๆ ใน Excel ได้ แต่ข้อจำกัดคือต้องใช้รูปแบบที่ถูกต้องและอาจต้องแปลงค่าด้วย COMPLEX ก่อน
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply