TLDR สรุปสั้นๆ
ISLOGICAL ตรวจสอบค่าทางลอจิกว่าเป็น TRUE หรือ FALSE หรือไม่
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน ISLOGICAL ใน Excel ใช้ตรวจสอบค่าว่าเป็นค่าทางลอจิกหรือไม่ ซึ่งค่าทางลอจิกคือ TRUE หรือ FALSE ถ้าค่าที่ตรวจสอบเป็นค่าทางลอจิก ฟังก์ชันจะคืนค่า TRUE แต่ถ้าไม่ใช่ ฟังก์ชันจะคืนค่า FALSE
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
2003 หรือ Version ก่อนหน้า
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
=ISLOGICAL(value)
Arguments
-
value (Required – any)
ค่านี้คือตัวเลขหรือข้อความที่ต้องการตรวจสอบว่าเป็นค่าทางลอจิกหรือไม่ สามารถเป็นเซลล์หรือค่าที่กำหนดโดยตรงก็ได้
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: ตรวจสอบว่า TRUE เป็นค่าทางลอจิกหรือไม่=ISLOGICAL(TRUE)
Result:TRUE (เพราะ TRUE เป็นค่าทางลอจิก) -
Formula:
Description: ตรวจสอบว่า "TRUE" เป็นค่าทางลอจิกหรือไม่=ISLOGICAL("TRUE")
Result:FALSE (เพราะ "TRUE" เป็นข้อความ ไม่ใช่ค่าทางลอจิก) -
Formula:
Description: ตรวจสอบว่าเซลล์ A1 มีค่าทางลอจิกหรือไม่=ISLOGICAL(A1)
Result:ผลลัพธ์จะเป็น TRUE หรือ FALSE ขึ้นอยู่กับค่าใน A1 -
Formula:
Description: ใช้คำสั่ง IF เพื่อเช็คค่าทางลอจิกใน A1 และคืนข้อความที่แตกต่างกันตามเงื่อนไข=IF(ISLOGICAL(A1), "Logical Value", "Not a Logical Value")
Result:คืนค่าเป็น "Logical Value" ถ้า A1 เป็นค่าทางลอจิก ถ้าไม่ใช่จะคืนค่า "Not a Logical Value" -
Formula:
Description: ใช้ฟังก์ชัน ISLOGICAL กับช่วงข้อมูลที่ใหญ่โดยใช้ ARRAYFORMULA=ARRAYFORMULA(ISLOGICAL(A1:A10))
Result:คืนค่าเป็น TRUE หรือ FALSE สำหรับแต่ละค่าที่อยู่ในช่วง A1:A10
Tips & Tricks
ใช้ร่วมกับฟังก์ชัน IF หรือในกฏ Data Validation เพื่อบังคับการใส่ข้อมูลเป็นค่าทางลอจิกเท่านั้น สามารถจัด Conditional Formatting เพื่อตรวจสอบหรือไฮไลท์ค้าที่ไม่ใช่ค่าทางลอจิกได้
ข้อควรระวัง (Cautions)
ฟังก์ชัน ISLOGICAL จะคืนค่า TRUE เฉพาะสำหรับค่าที่เป็น TRUE หรือ FALSE เท่านั้น ค่าประเภทอื่นๆ จะคืนค่า FALSE ดังนั้นควรแน่ใจว่าข้อมูลที่ตรวจสอบคาดว่าจะเป็นค่าทางลอจิกก่อน
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply