TLDR สรุปสั้นๆ
PEARSON หาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพื่อระบุความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างข้อมูลสองชุดใน Excel ใช้กับความสัมพันธ์ที่มีค่าเป็นระยะหรืออัตราส่วนได้ดีที่สุด
คำอธิบาย
ฟังก์ชัน PEARSON ใน Excel ใช้ในการหาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson product moment correlation coefficient) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ไม่มีหน่วย ที่บอกถึงความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างชุดข้อมูลสองชุด ค่าสหสัมพันธ์จะแปรผันจาก -1 ถึง 1 โดยค่าที่ใกล้ 1 มากๆ หมายถึงความสัมพันธ์เชิงเส้นที่ตรงกันระหว่างชุดข้อมูลทั้งสอง ในขณะที่ค่าที่ใกล้ -1 บ่งบอกถึงความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงข้ามกัน ความหมายทางตัวเลขนี้มีประโยชน์ในการวิเคราะห์วิจัยหลายด้าน เช่น การวิจัยตลาด การตรวจสอบความสัมพันธ์ทางการเงิน และการวิเคราะห์ในสายงานสุขภาพและวิทยาศาสตร์
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
Excel 2003
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
PEARSON(array1, array2)
Arguments
-
array1 (Required – Array or Range)
เป็นชุดของค่าที่เป็นอิสระ หรือค่าที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น -
array2 (Required – Array or Range)
เป็นชุดของค่าที่พึ่งพาปัจจัยอื่น หรือมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลชุดแรก
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: คำนวณสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างจำนวนชั่วโมงที่ศึกษาและคะแนนสอบ=PEARSON(A2:A10, B2:B10)
Result:ถ้าได้ผลลัพธ์ 0.8 หมายถึงความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแรง ทำให้ทำนายได้ว่าการศึกษามากช่วยให้คะแนนสูง -
Formula:
Description: หาสหสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองและจำนวนไอศครีมที่ขายได้ในวันนั้น=PEARSON(C2:C10, D2:D10)
Result:ค่าบวกสูงบ่งบอกว่าถ้าอุณหภูมิสูง ขายไอศกรีมได้มากขึ้น -
Formula:
Description: สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างระบบการออกกำลังกายและน้ำหนักที่ลดลง=PEARSON(E2:E10, F2:F10)
Result:ค่าบวกบอกว่าการออกกำลังกายบ่อยมีผลดีในการควบคุมน้ำหนัก -
Formula:
Description: ใช้กับการแสดงผลในเชิงภาพโดยแบ่งระดับความสัมพันธ์ในแผนภูมิความร้อน=CHOOSE(1+INT(ABS(PEARSON(G2:G10,H2:H10))*10), "ไม่มีความสัมพันธ์", "มีความสัมพันธ์เล็กน้อย", "มีความสัมพันธ์อ่อนแอ", "มีความสัมพันธ์ปานกลาง","มีความสัมพันธ์แข็งแรง", "มีความสัมพันธ์แข็งแรงมาก")
Result:ให้อธิบายระดับความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นในรูปของคำ -
Formula:
Description: ประเมินและแสดงผลว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัวหรือไม่โดยมีการกำหนดค่าขอบเขต=IF(PEARSON(I2:I10,J2:J10)>0.5, "มีความสัมพันธ์", "ไม่มีความสัมพันธ์")
Result:แสดงคำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้
Tips & Tricks
1. การใช้ PEARSON ช่วยดูการเปลี่ยนแปลงตามเส้นตรงของข้อมูลชุดใหญ่ 2. ใช้ฟังก์ชันนี้เพื่อทำการประเมินประสิทธิผลของการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การตลาด, วิจัย 3. การใช้ฟังก์ชันอื่นๆ ร่วม เช่น CHOOSE จะช่วยให้สามารถแปรผลและแสดงผลการคำนวณในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น การแสดงผลในเชิงภาพ
ข้อควรระวัง (Cautions)
1. PEARSON จะทำงานได้ดีในข้อมูลที่มีความสัมพันธ์เชิงเส้นเท่านั้น ถ้าต้องวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบอื่นต้องใช้ฟังก์ชันอื่นช่วย 2. อย่าลืมตรวจสอบว่า array1 และ array2 มีขนาดเท่ากัน มิฉะนั้นจะได้ #N/A เป็นผลลัพธ์ 3. การแปลผลต้องระวังเนื่องจากเครื่องหมาย สหสัมพันธ์ ไม่ได้บอกถึงการมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผล 4. ใช้ PEARSON กับข้อมูลที่มีการวัดอย่างมีความหมาย เช่น อัตราส่วน, ช่วง เพื่อให้สหสัมพันธ์มีความหมาย
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
References
- PEARSON Function – Microsoft Office
- Corporate Finance Institute – PEARSON Function
- GeeksforGeeks – Pearson Correlation Coefficient
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply