คำอธิบาย
ฟังก์ชันนี้จะคืนค่ารากที่สองของ (จำนวนที่คุณป้อน คูณด้วย pi) ฟังก์ชันนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการใช้ค่า pi โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการคูณเอง
มีครั้งแรกในเวอร์ชันไหน
Excel 2003
รูปแบบคำสั่ง (Syntax)
SQRTPI(number)
Arguments
-
number (Required – number)
จำนวนที่คุณต้องการคูณกับ pi และหาค่ารากที่สอง ต้องเป็นจำนวนบวกไม่งั้นจะเกิดข้อผิดพลาด
ตัวอย่างการใช้งาน (Examples)
-
Formula:
Description: หาค่ารากที่สองของ pi=SQRTPI(1)
Result:ได้ผลลัพธ์เป็นรากที่สองของ pi ซึ่งประมาณค่าได้เป็น 1.772454 -
Formula:
Description: หาค่ารากที่สองของ 2 คูณกับ pi=SQRTPI(2)
Result:ได้ค่าผลลัพธ์เป็นรากที่สองของ 2 คูณกับ pi ซึ่งประมาณค่าได้เป็น 2.506628 -
Formula:
Description: หาค่ารากที่สองของจำนวนที่อยู่ในเซลล์ A1 คูณกับ pi=SQRTPI(A1)
Result:ได้ผลลัพธ์เป็นรากที่สองของค่าจากเซลล์ A1 ที่คูณกับ pi -
Formula:
Description: หาค่ารากที่สองของค่าที่อยู่ในเซลล์ A2 โดยแปลงให้เป็นบวกก่อนแล้วคูณกับ pi=SQRTPI(ABS(A2))
Result:ได้ผลลัพธ์เป็นรากที่สองของค่าบวกจากเซลล์ A2 คูณกับ pi -
Formula:
Description: ใช้ SQRTPI ในเงื่อนไข IF เพื่อตรวจสอบว่าค่าที่คำนวณได้มากกว่า 10 หรือไม่ แล้วคืนค่า "Large" หรือ "Small"=IF(SQRTPI(A1) > 10, "Large", "Small")
Result:จะคืนค่าข้อความว่า “Large” หรือ “Small” ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์จากฟังก์ชัน SQRTPI
Tips & Tricks
ถ้าค่าที่ใส่ลงใน SQRTPI เป็นค่าลบ มันจะโชว์ข้อความผิดพลาด #NUM! เพื่อแก้ไข ใช้ฟังก์ชัน ABS ครอบเข้าไป เช่น =SQRTPI(ABS(number)) นอกจากนี้ การใช้ SQRTPI จะรวดเร็วกว่าการคำนวณแบบ SQRT กับ PI เองเพราะมันทำในคำสั่งเดียว
ข้อควรระวัง (Cautions)
ระวังอย่าใส่ค่าลบเพราะจะเกิดข้อผิดพลาด #NUM! และอย่าลืมว่าฟังก์ชันนี้อาจไม่จำเป็นเสมอไปสำหรับงานบางประเภทที่ไม่ต้องการคำนวณด้วย pi
ฟังก์ชันที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี / ข้อจำกัด
ข้อดีคือฟังก์ชันนี้ทำให้การคำนวณที่เกี่ยวข้องกับ pi ง่ายขึ้นและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการปัดเศษ ข้อจำกัดคือใช้งานได้เฉพาะเมื่อต้องการคำนวณร่วมกับ pi
References
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ❤️
Leave a Reply